Chat with us, powered by LiveChat

May, 2019

Connect Mailchimp to Pipedrive | Move contact lists from Pipedrive to Mailchimp

ทูลที่ช่วยบริษัทในการหาลีดผ่านทางอีเมล์มาร์เก็ตติ้งที่ดีตัวหนึ่งคือ Mailchimp เราสามารถใช้งานโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับรายชื่อที่บันทึกไว้ได้ถึง 2,000 รายชื่อ และสามารถส่งอีเมล์ได้ถึง 12,000 อีเมล์ต่อเดือน นอกจากนั้นมันเป็นทูลที่ใช้งานง่าย เรียนรู้ได้เอง และยังประสานงาน (connecting) ได้กับซอฟท์แวร์ตัวอื่นๆ เช่น eCommerce platform WordPress และ CRM platform รวมทั้ง Pipedrive Mailchimp สามารถสร้างฐานข้อมูล (Audience) และสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายได้โดยการใช้ Tags ตัวอย่างเช่น บริษัทสร้างฐานข้อมูลของคนติดต่อที่ทำงานอยู่ในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทัพย์ แล้วใช้ Tags (โรงแรม โรงพยาบาล โรงงาน เรียลเอสเตท เป็นต้น) เพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันในฐานข้อมูลนี้ ดังนั้นเวลาที่บริษัทสร้างแคมเปญใดๆขึ้นมา ก็สามารถที่จะเลือกส่งอีเมล์ไปยังกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ มันทำให้มีความสอดคล้องกันระหว่างแคมเปญกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งก็จะทำให้อัตราการเปิดอ่านหรือการคลิกลิงค์อยู่ในสัดส่วนที่ดีหรือมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ Pipedrive สามารถทำการฟิลเตอร์ฐานข้อมูลที่เป็นคนติดต่อได้ ดังนั้นบริษัทก็สามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายโดยใช้ฟิลเตอร์ แล้วทำการส่งข้อมูลไปยัง Mailchimp โดยอาจส่งไปที่ Audience ที่มีอยู่ หรือทำการสร้าง Audienceใหม่ หลังจากมีข้อมูลใหม่ใน Mailchimp แล้วบริษัทยังสามารถเพิ่ม Tag [...]

PIPEDRIVE | Leader Sales CRM For SMEs in the Year 2019

เซลล์ซีอาร์เอ็ม (Sales CRM) ในตลาดจะมีอยู่มากมายหลายตัว มีความสามารถรองรับการใช้งานได้ตั้งแต่องค์กรขนาดเล็ก กลาง จนถึงใหญ่ การจะนำเอาทูลซีอาร์เอ็มมาใช้งานในองค์กรอย่างประสพผลสำเร็จได้นั้น เราควรพิจารณาถึงความต้องการภายในองค์กรว่ามีวัตถุประสงค์อะไรบ้าง แนวทางในการใช้งาน และการวัดผลจากการใช้งาน หลังจากนั้นก็มาเลือกดูซีอาร์เอ็มที่อยู่ในตลาดว่ามีตัวไหนที่น่าจะตอบสนองกับสิ่งที่เราต้องการบ้าง มันน่าจะไม่ง่ายเลยที่เราจะเลือกทูลอะไรก็ตามมาใช้สักตัวหนึ่ง เพราะถ้าเราดูผลการเปรียบเทียบระหว่างผลิตภัณฑ์ มันก็ดูจะคล้ายๆกัน หรือบางทีเราอาจจะไม่เข้าใจในบางฟีเจอร์ บางทีเราอาจจะนำผลของการจัดอันดับ หรือผลของการจัดหมวดหมู่หรือกลุ่ม มาช่วยทำให้เราคัดกรองตัวที่น่าจะเป็นไปได้กับองค์กรของเราในระดับหนึ่ง หลังจากนั้นอาจดูรีวิวเพิ่มเติม และข้อมูลการเปรียบเทียบเพื่อที่จะได้ผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในใจสักสองหรือสามตัว สุดท้ายถ้าได้ลองเล่นตัวผลิตภัณฑ์ดู ก็จะทำให้ได้คำตอบว่าน่าจะเป็นตัวไหนได้ชัดเจนขึ้น ถ้าได้มีกลุ่มที่ลองเล่นมากกว่าหนึ่งคนขึ้นไป ก็ยิ่งจะเป็นการดี เพราะการทดลองเล่นคนเดียวมีโอกาสที่จะเกิด bias thinking ได้จากความชอบส่วนตัวที่เกิดขึ้น Pipedrive เป็นเซลล์ซีอาร์เอ็มที่ใช้งานง่าย สามารถเรียนรู้ได้เอง (inituitive) มีวิวให้เลือกดูได้หลากหลายวิว ใช้งานได้บนโมบาย ข้อมูลแสดงผลเป็นแบบเรียลไทม์ ราคาไม่แพง และเริ่มต้นการใช้งานได้ตั้งแต่หนึ่งยูสเซอร์ขึ้นไป Pipedrive ถูกจัดอันดับให้เป็นสุดยอดเซลล์ซีอาร์เอ็มตัวหนึ่งในตลาด และได้รับคะแนนนิยมเป็นอย่างมากรวมทั้งคำชมที่ดีโดยเฉพาะในองค์กรขนาดเล็กถึงกลาง (SMEs) หนึ่งในองค์กรที่มีการจัดกลุ่มและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่สามารถดูเป็นไกด์ไลน์ (guideline) ได้เช่น G2 Crowd G2 Crowd ได้มีการจัดกลุ่มของซีอาร์เอ็มไว้ซึ่งสามารถติดตามดูผลได้ที่ https://www.g2.com/categories/crm แผนภาพด้านล่างนี้ได้แสดงผลการจัดกลุ่มของซีอาร์เอ็ม วันที่ 20 เมษายน [...]

PIPEDRIVE with LiveChat | How can we turn Leads from LiveChat into Pipedrive?

ปัจจุบันนี้การจะใช้ซอฟต์แวร์ตัวใดตัวหนึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุ่งยากอีกต่อไปแล้ว เพราะมีซอฟต์แวร์อยู่มากมายที่มีให้ใช้งานบนระบบคลาวด์ หรือที่เราเรียกว่า Software as a Service (SaaS) เราไม่จำเป็นต้องติดตั้ง อัพเดท และดูแลซอฟต์แวร์ ค่าใช้จ่ายในการใช้งานก็เปลี่ยนเป็นแบบจ่ายตามใช้งานจริงหรือตามผู้ใช้งาน จ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปี ดังนั้นเรามักจะเห็นองค์กรขนาดเล็กมีการนำเอาเทคโนโลยีซอฟต์แวร์มาใช้งาน สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซอฟต์แวร์ที่อยู่บนคลาวด์ (SaaS) มักจะมีการเชื่อมต่อกันได้ ซอฟต์แวร์แต่ละตัวมักจะมีการสร้างระบบนิเวศให้กับตัวเอง นั่นคือไปเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ตัวอื่นได้ หรือเปิดโอกาสให้ซอฟต์แวร์ตัวอื่นมาเชื่อมต่อ ซึ่งเราสามารถดูว่ามีซอฟต์แวร์ตัวไหนบ้างได้จากซอฟต์แวร์มาร์เก็ตเพลสของแต่ละตัว ตัวอย่างเช่น Pipedrive ก็จะมีระบบนิเวศที่ชื่อว่า Pipedrive Marketplace ซึ่งเราสามารถเข้าไปดูว่ามีซอฟต์แวร์ตัวไหนบ้างที่ Pipedrive ได้ทำการเชื่อมต่อไว้เรียบร้อยแล้วบ้าง การที่ซอฟต์แวร์แต่ละตัวมีการเชื่อมต่อกัน ก็จะมีประโยชน์ในการเชื่อมต่อข้อมูลของกันและกัน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องคีย์ข้อมูลซ้ำกับซอฟต์แวร์อีกตัวหนึ่ง หรือเมื่อใช้ซอฟต์แวร์ตัวหนึ่งอยู่ ก็สามารถเห็นข้อมูลที่มาจากซอฟต์แวร์อีกตัวหนึ่งได้ ซึ่งก็มาจากการที่ซอฟต์แวร์ทั้งสองตัวมีการเชื่อมต่อถึงกัน สำหรับ Pipedrive ในหมวดหมู่ของซอฟต์แวร์ที่เป็น Bots & messaging มีซอฟต์แวร์หลายตัวที่ Pipedrive  ทำการเชื่อมต่อไว้เรียบร้อยแล้ว เราจะขอยกตัวอย่างหนึ่งในนั้นก็คือซอฟต์แวร์ LiveChat ประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อทำการเชื่อมต่อ LiveChat กับ Pipedrive คือ 1. เราสามารถเพิ่มบุคคลที่เราติดต่อใน LiveChat [...]

Should Small and Medium Enterprises (SMEs) have Sales CRM?

ปัจจุบันนี้การจะทำธุรกิจของตัวเองไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่การจะทำให้ธุรกิจประสพผลสำเร็จ และเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนเป็นสิ่งที่มีความท้าทาย ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ มันสามารถทำให้ธุรกิจขนาดเล็กมีที่ยืน และเจริญเติบโตด้วยความไว เพื่อขึ้นไปแข่งขันกับบริษัทใหญ่ที่ก่อตั้งมานาน ดังนั้นการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้ในองค์กร จึงเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่จะทำให้บริษัทมีความได้เปรียบ และมีโอกาสที่จะครอบครองส่วนแบ่งการตลาดได้มากขึ้น เทคโนโลยีคลาวด์ (Cloud Technology) เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่มีการใช้มากขึ้นในยุคปัจจุบัน มันทำให้เราสามารถใช้ทรัพยากร รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่อยู่บนคลาวด์ได้ โดยผ่านการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ดังนั้นเพียงเรามีอุปกรณ์สื่อสาร (Mobile) หรือแล็ปท็อป (Laptop) เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ก็สามารถเข้าไปใช้ทรัพยากร รวมทั้งซอฟต์แวร์ที่อยู่บนคลาวด์ได้ทุกที่ ทุกเวลา มันทำให้การทำงานง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะเราไม่จำเป็นต้องลงทุนทางด้านไอทีกับโครงสร้างพื้นฐานมากมายเมื่อเทียบกับในอดีตที่ยังไม่มีเทคโนโลยีคลาวด์ รวมทั้งบริษัทยังสามารถเลือกใช้บริการรวมทั้งซอฟต์แวร์เฉพาะอย่าง ตามความต้องการของบริษัท การยกเลิกใช้งานหรือเปลี่ยนไปใช้บริการอื่นหรือซอฟต์แวร์อื่นก็ทำได้โดยง่าย ซอฟต์แวร์ที่อยู่บนคลาวด์ที่เรียกว่าเซลล์ซีอาร์เอ์ม (Sales CRM) เป็นซอฟต์แวร์ที่บริษัทสามารถนำมาใช้เพื่อบริหาร และจัดการในส่วนงานขาย ซึ่งต้องถือว่าเป็นส่วนสำคัญของบริษัท บริษัทจะเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนได้ก็ต่อเมื่อ มียอดขายต่อเนื่องและเพิ่มขี้นในทุกปี ด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ องค์กรขนาดเล็กถึงกลาง (SMEs) จึงสามารถที่จะนำเอาเซลล์ซีอาร์เอ็ม (Sales CRM) มาใช้ได้แบบไม่ยุ่งยาก เพื่อบริหารจัดการงานขายให้มีประสิทธิภาพ ทำให้บริษัทสามารถทำงานการขายแบบเชิงรุก (Active selling) และแข่งขันกับบริษัทใหญ่ได้ ทำไมองค์กรขนาดเล็กถึงกลาง (SMEs) [...]

HOW GOGOPRINT USED PIPEDRIVE TO DISRUPT THE PRINTING INDUSTRY

ครั้งต่อไปถ้ามีคนมาบอกคุณว่าอุตสาหกรรมงานพิมพ์นั้นตายแล้ว ลองแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จของ Gogoprint Gogoprint เริ่มต้นในปี 2558 จากบริษัทเล็กๆในกรุงเทพฯ ท่ามกลางบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมการพิมพ์ พวกเขาได้ทำให้บริษัทประสพความสำเร็จในการขายแบบยั่งยืนและมีการขยายบริษัทระหว่างประเทศอย่างรวดเร็ว บริการงานพิมพ์สำหรับบริษัทขนาดกลางและเล็ก (SMEs) Gogoprint เป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการพิมพ์แบบออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้นำเสนอบริการงานพิมพ์ดิจิตอลที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าทั่วโลกในราคาที่แข่งขันได้ บริษัทมีพนักงานประมาณ 120 คนรวมถึงสมาชิกทีมขาย 30 คน ที่อยู่ในสำนักงานทั้ง 4 แห่ง มีที่กรุงเทพฯกัวลาลัมเปอร์ อินโดนีเซีย และออสเตรเลีย ผลจากการทำงานของพวกเขาได้ทำให้ตลาดในเอเชียได้รับรู้แล้ว ก่อนที่ Gogoprint จะเข้ามาในตลาดเพื่อให้บริการด้านการพิมพ์ บริษัทขนาดกลางและเล็กในเอเชียจะต้องเจอกับราคาที่ไม่โปร่งใส การบริการที่ช้า และตอบกลับเป็นครั้งคราว เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่างานพิมพ์แบบดั้งเดิมต้องการลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีคำสั่งซื้อจำนวนมาก Gogoprint สามารถที่จะมองหาและเห็นโอกาสที่จะนำเสนองานพิมพ์ให้กับบริษัทขนาดกลางและเล็ก ในด้านการปฏิบัติงาน บริษัทได้บุกเบิกวิธีการที่เรียกว่า ‘การผสม (batching)’ จากลูกค้าที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะแตกต่างจากโรงพิมพ์แบบดั้งเดิม Gogoprint ได้มีการจัดกลุ่มคำสั่งซื้อของลูกค้าที่มีหลากหลายไว้ด้วยกัน เพื่อที่ในการพิมพ์แต่ละครั้งพวกเขาสามารถที่จะส่งแผ่นงานไปยังเครื่องพิมพ์ให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพมากที่สุดเท่าที่จะทำได้     การค้นหาความสมดุลระหว่างการพิมพ์และดิจิตอล ความเต็มใจที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆของเครื่องพิมพ์ ช่วยให้พวกเขาเติบโตไปในทิศทางที่สำคัญต่อไป บริษัทได้ค้นพบถึงความสมดุลที่สมบูรณ์แบบระหว่างดิจิตอลและออฟไลน์ เพื่อที่จะก้าวข้ามข้อจำกัดเดิมและทำให้มันเติบโตขึ้น ในขณะที่คู่แข่งขันยังคงดิ้นรนกับงานพิมพ์ออฟไลน์แบบดั้งเดิม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดดูได้จากทีมขาย Gogoprint ใช้รูปแบบการขายออนไลน์เพื่อเข้าถึงตลาดโลก [...]

Why do firms switch from other CRMs to use PIPEDRIVE?

จากประสบการณ์การใช้งาน CRMs ของผลิตภัณฑ์อื่นๆรวมทั้ง Pipedrive เราพอที่จะสรุปได้ถึงเหตุผลด้านล่างนี้ว่าทำไมบริษัทถึงมีการเปลี่ยนการใช้งานจาก CRMs อื่นๆมาเป็น Pipedrive 1. ความง่ายของการใช้งาน (Simple to use) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้ใช้ CRM ส่วนใหญ่จะเป็นเซลล์และมาร์เก็ตติ้ง รวมทั้งผู้บริหาร ซึ่งกลุ่มที่ใช้เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสนใจใช้แอพพลิเคชั่น CRM ที่ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย ไม่ต้องอ่านคู่มือก็ใช้งานได้ คงไม่มีผู้ใช้งานคนไหนที่ชอบใช้แอพพลิเคชั่นที่ซับซ้อน ดูยาก หรือต้องอ่านคู่มือแบบหนา แล้วเล่นตามไปทีละขั้นตอน ยิ่งถ้าคนที่เรียนรู้แล้วลาออกไป คนใหม่ที่เข้ามาต้องมาเริ่มเรียนรู้ใหม่ ก็จะยิ่งช้าและเสียเวลา แทนที่จะนำเอาเวลาไปหาลูกค้าดีกว่า ดังนั้น CRM รุ่นใหม่อย่างเช่น Pipedrive เข้าใจความต้องการของลูกค้าเหล่านี้เป็นอย่างดี จึงคิดค้นผลิตภัณฑ์ให้มีรูปแบบการใช้งานที่ง่าย (natural learning) แบบว่าไม่ต้องมีคู่มือก็เล่นเองได้ 2. ความง่ายของการดู พิจารณา และติดตาม (Simple to view and track) หลายต่อหลายครั้งที่เราดู CRMs ของคนอื่น เราต้องใช้เวลาดู พิจารณา หรือติดตามอยู่นานกว่าจะเข้าใจ [...]

Pipedrive | New Feature@Workflow Automation

Pipedrive ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ขึ้นมาคือ Workflow Automation ซึ่งมันจะช่วยให้พนักงานขายลดการทำงานที่ซ้ำๆลงได้ นั่นก็หมายถึงประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง หลักการของมันก็คือว่า เราสามารถสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมา อาทิเช่นถ้ามีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ก็จะส่งผลให้มีอีกเหตุการณ์หนึ่งตามมาโดยอัตโนมัติ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราได้เพิ่ม contact ลงไปใน Pipedrive ดีลก็จะถูกสร้างขึ้มมาโดยอัตโนมัติ หรือ ถ้าเราได้ปรับเปลี่ยนสถานะของดีลจาก Lead In เป็น Contact made ก็จะมีการส่งอีเมล์ไปหาลูกค้าโดยอัตโมมัติ เราควรสร้างอีเมล์ที่จะส่งเตรียมไว้ก่อน (template email) หรือ ถ้าเราสามารถปิดดีลได้ และเปลี่ยนสถานะดีลมาเป็น Won deal ก็จะมีการส่งอีเมล์ขอบคุณไปหาลูกค้าโดยอัตโนมัติ จากตัวอย่างด้านบนจะเป็นว่าเมื่อมีเหตุการณ์แรกเกิดขึ้น ซึ่งเราอาจเรียกมันว่า tricker event หลังจากนั้นก็จะมีผลลัพธ์ที่เป็นเหตุการณ์ต่อมาเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งก็สามารถจะเรียกมันว่า consequence action ดังนั้นพนักงานขายก็อาจจะสำรวจตัวเองดูว่ามีการทำงานไหนที่เกี่ยวเนื่องกันที่เราทำบน Pipedrive ซ้ำๆจนสามารถนำเอา Workflow Automation มาช่วยได้บ้าง เพื่อเราจะได้ลด repeated tasks เรามาลองดูวิธีการใช้งาน Pipedrive workflow automation ว่าทำอย่างไรจากภาพด้านล่างนี้ [...]

Pipedrive | Benefits of knowing why do we lose deals?

ประโยชน์ของการรู้ว่าทำไมเราถึงไม่ชนะดีล มีไหมที่บริษัทอยากรู้ว่าทำไมเราถึงแพ้ดีลให้กับคู่แข่งขัน ยิ่งเรารู้ถึงเหตุผลที่แพ้มากเท่าไหร่ มันย่อมทำให้เราหาวิธีการที่จะช่วยให้เราชนะในครั้งถัดไป ดังนั้นข้อมูลของดีลที่แพ้ก็น่าที่จะเป็นประโยชน์กับบริษัทและฝ่ายขาย เพื่อช่วยให้เรามีการพัฒนาและทำให้ค่า Close to win สูงขึ้นนั่นเอง Pipedrive จะมีการเก็บข้อมูลของสาเหตุที่ไม่ชนะของดีล และนำมาประมวลผลเพื่อเสนอเป็นแผนภาพให้เห็นได้โดยง่าย เราสามารถรู้ถึงเหตุผลของการไม่ชนะของแต่ละคนหรือของทั้งทีมได้โดยดูจากรีพอร์ท (report) วิธีการใช้งานของ Pipedrive สำหรับการกำหนดสาเหตุที่ไม่ชนะ และการดูรีพอร์ทของเหตุผลที่แพ้ เป็นไปตามภาพด้านล่างนี้ ภาพแรก แสดงการกำหนดสาเหตุหรือเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถชนะดีลๆหนึ่ง เราสามารถระดมสมอง (brainstorm) หาข้อมูลจากพนักงานขาย เพื่อมากำหนดเป็นสาเหตุและใส่ลงไปในระบบ (predefined) เราสามารถใส่เป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยก็ได้ หมายเหตุ Admin จะเป็นคนตั้งค่าได้เท่านั้น วิธีการ | Admin เลือกไปที่ [Setting],  เลือก [Company Setting],  คลิก [Add predefined lost reason],  ใส่เหตุผล,   ทำการบันทึก   หลังจากนั้นยูสเซอร์ก็สามารถจะเลือกเหตุผลได้ เมื่อเค้าเปลี่ยนสถานะ (stage) ของดีลไปเป็น ไม่ชนะ (lost) ถ้าเซลล์มีเหตุผลอื่นที่ไม่ตรงกับที่กำหนดไว้ (predefined) [...]

Pipedrive | Contacts Timeline (Contacts View)

เป็นอีกวิวหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะมันสามารถทำให้พนักงานขายเห็นว่า ลูกค้าหรือเป้าหมายคนไหนควรได้รับการติดต่อแล้วหรือยังในช่วงเวลาที่พนักงานขายกำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น พนักงานขายกำหนดไว้ว่าควรจะต้องติดต่อกับลูกค้าหรือเป้าหมายให้ได้อย่างน้อยเดือนละครั้ง Contact Timeline ของ Pipedrive ก็จะสามารถค้นหาได้ว่ามีลูกค้าหรือเป้าหมายไหนที่ยังไม่ได้รับความสนใจหรือติดต่อภายใน 1 เดือน ดังนั้นมันก็จะอำนวยความสะดวก ทำให้พนักงานขายสามารถค้นหารายชื่อของลูกค้าหรือเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย นอกจากนั้นยังทำให้พนักงานขายไม่พลาดที่จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าหรือเป้าหมาย บางครั้งโอกาสก็อาจจะมาจากการที่เราได้ติดต่อกลับไปยังลูกค้าเดิมหรือเป้าหมายใหม่ เราลองมาดูวิธีการใช้งาน Contact Timeline และหน้าตาของมันว่าเป็นอย่างไรตามภาพด้านล่างนี้ จะเห็นว่ามันเป็นวิวที่มีประโยชน์ ให้เราห็นภาพของลูกค้าที่ยังไม่ได้รับการติดต่อตามข้อกำหนดได้อย่างรวดเร็ว นอกเหนือจากนั้นเรายังสามารถคลิกเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ หรือคลิกเพื่อเพิ่มรายละเอียดได้ Pipedrive เป็นเครื่องมือที่ช่วยพนักงานขายอย่างมีประสิทธิภาพ ลักษณะการนำเสนอเป็นแบบ visual view สามารถทำงานแบบ drag and drop และคลิกเพื่อดูข้อมูลเพิ่ม (drill down) ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (081) 823 2988 หรือ email at sujit.c@uncsolutions.com

Pipedrive | Goal setting

แน่นอนว่าแต่ละพนักงานขายจะมีเป้าหมายที่ถูกกำหนดจากบริษัทโดยอาจมีการกำหนดเป็นต่อปี ต่อไตรมาส หรือต่อเดือน พนักงานขายเองก็จะทำการสำรวจตัวเองว่าตอนนี้ปิดดีล หรือมียอดขายที่ทำได้เป็นเท่าไหร่ เมื่อเปรียบเทียบกับยอดที่กำหนด เพราะมันหมายถึงผลงานและค่าคอมมิชชั่นของเซลส์ โดยปกติแล้วพนักงานขายก็จะนำเอาตัวเลขที่ขายได้ จากใบเสนอราคามาบันทึกลงไปในสเปรดชีต (Excel) แล้วทำการรวมค่า และเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนด ก็จะรู้ได้ว่าณตอนนี้ ทำได้เท่าไหร่ เป็นสัดส่วนเท่าไหร่เมื่อเทียบกับเป้าหมาย Pipedrive มีเครื่องมือหนึ่งที่ใช้สำหรับการตั้งค่าเป้าหมายและการวัดผลของพนักงานขาย โดยที่ยูสเซอร์แต่ละคนจะสามารถตั้งค่าของตัวเองได้จาก “Setting” ดูจากภาพด้านล่างนี้เพื่อความเข้าใจอย่างง่าย โดยสรุปอย่างย่อ สำหรับวิธีการตั้งค่าเป้าหมายเพื่อวัดผล 1 คลิก Setting 2 คลิก Add Goal แล้วทำการตั้งเป้าหมายที่ต้องการจะวัดผล 3 คลิก Save ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (081) 823 2988 หรือ email at sujit.c@uncsolutions.com

Affiliates

Partners

Archives