Pipedrive เป็นทูลสำหรับเซลส์ซีอาร์เอ็ม ที่บริษัทสามารถนำไปใช้บริหารจัดการงานขาย ติดตามและประเมินผล รวมทั้งการทำงานขายให้เป็นแบบเชิงรุก (active selling)

บริษัทสามารถออกแบบกระบวนการขาย (sales process) แล้วนำไปสร้างเป็น pipeline (sales stage) ใน Pipedrive ได้อย่างง่ายดาย

นอกเหนือจากนั้นแล้ว บริษัทยังสามารถสร้าง pipeline สำหรับกระบวนการที่เชื่อมโยงกับงานขายได้ เช่นกระบวนการของหน่วยงานซัพพอร์ทงานขาย ไม่ว่าจะเป็นพรีเซลส์ หรืออาฟเตอร์เซลส์

หรือบริษัทยังสามารถนำไปใช้สร้าง pipeline สำหรับกระบวนการทางการตลาด เช่นกระบวนการหาลีด ได้ลีด และการทำให้ลีด มีโอกาสที่จะเป็นลูกค้า (potential prospects) เป็นต้น

ข้อดีของ Pipedrive ก็คือ pipeline ที่เราออกแบบและสร้างขึ้นมาจะถูกแสดงให้เห็นเป็นภาพต่อเนื่องจากขั้นเริ่มต้นไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งทำให้ดูง่าย เข้าใจง่าย การเปลี่ยนดีลหรืองานจากขั้นตอนหนึ่งไปเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ก็ทำได้ง่ายเพียงกดและลาก (drag and drop) ถ้าต้องการดูข้อมูลเพิ่มเติมก็เพียงกดลงไปดู (drill down)

นอกจากนั้นบริษัทยังสามารถย้ายดีลหรืองานจาก pipeline หนึ่งไปอีก pipeline หนึ่งได้โดยง่าย เพียงแค่กดแล้วลากไปที่ pipeline ที่บริษัทต้องการ

หรือบริษัทยังสามารถทำสำเนาดีลหรืองานที่ต้องการ แล้วทำการย้ายสำเนาของดีลหรืองานนั้นไปยัง pipeline ใหม่ที่ต้องการก็ได้

จากหลักการที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ บริษัทสามารถนำมันไปปรับใช้ให้เข้ากับองค์กรของตัวเองได้แบบมีความยืดหยุ่น ทำได้ง่าย เข้าใจง่าย ติดตามและแสดงผลได้ง่าย

เราจะขอยกตัวอย่างการออกแแบบสักหนึ่งตัวอย่าง แล้วบริษัทก็สามารถนำมันไปปรับใช้เพื่อให้เข้ากับองค์กรของตัวเองได้โดยง่าย

บริษัท A เป็นบริษัทซื้อมาและขายไป (trading firm) ซึ่งจะมีพนักงานขายสำหรับติดต่อลูกค้า มีพรีเซลส์สำหรับแสดงผลิตภัณฑ์ (show demo) มีส่วนเซอร์วิสไว้สำหรับติดตั้งและดูแลหลังงานขาย และมีมาร์เก็ตติ้งสำหรับทำกิจกรรม เพื่อหาลีดให้กับ  พนักงานขาย

บริษัท A มีการใช้งาน Pipedrive สำหรับติดตามงานขาย แล้วต้องการที่จะใช้เพื่อติดตามงานของพรีเซลล์ เซอร์วิส และก็มาร์เก็ตติ้งด้วย

บริษัทรู้ว่าสามารถสร้าง pipeline ขึ้นมาเพื่อแสดงกระบวนการของแต่ละส่วนงานได้ เพื่อที่จะติดตามงานนอกเหนือจากงานขาย เช่นสร้างกระบวนการเพื่อติดตามงานของพรีเซลส์ ของเซอร์วิส หรือของมาร์เก็ตติ้ง

ดังนั้นบริษัทจึงทำการสร้าง pipeline สำหรับมาร์เก็ตติ้ง และสำหรับเซอร์วิส ดังต่อไปนี้

Pipeline สำหรับมาร์เก็ตติ้ง

ทีมมาร์เก็ตติ้งมีหลากหลายวิธีการในการหาลีด หลังจากได้ลีดมาก็จะให้ทีมขายภายใน (inside sales representatives) ทำการดูแลลีด ติดต่อ พัฒนา และคัดเลือกลีดที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าในอนาคต หลังจากนั้นก็ทำการส่งต่อให้หัวหน้าทีมขายต่อไป

Pipeline (marketing) = รายชื่อลีดที่มาจากแหล่งต่างๆ —> ติดต่อ —> เก็บข้อมูล —> ลีดที่มีโอกาสเป็นลูกค้า

เมื่อมีลีดที่มีโอกาสเป็นลูกค้า ทางทีมมาร์เก็ตติ้งก็ทำการย้ายจาก pipeline ที่มันอยู่ไป pipeline ใหม่และทำการเปลี่ยนเจ้าของที่จะดูแลเป็นหัวหน้าทีมขาย

หัวหน้าทีมขายเมื่อเข้ามาที่ pipeline ของตัวเอง (ทีมขาย) ก็จะเห็นลีดใหม่อันนี้ แล้วหัวหน้าทีมขายจะทำเองหรือส่งต่อให้ลูกน้องทำก็ได้ ถ้าส่งต่อให้ลูกน้องทำ ก็เพียงแค่เปลี่ยนเจ้าของที่จะดูแลเป็นลูกน้องที่ต้องการ

จะเห็นว่าการทำงานจะสะดวก รวดเร็ว มีกระบวนการ มีการบันทึก สามารถติดตามและดูแลได้ง่าย

ดูภาพประกอบ

Pipeline สำหรับเซอร์วิส

ทีมเซอร์วิสจะเข้ามาดูแลหลังจากพนักงานขายได้ทำการปิดการขาย ซึ่งจะทำการส่งลูกค้าให้ทีมเซอร์วิสดูแลต่อทั้งเรื่องติดตั้งและบริการหลังการขาย

บริษัทจึงทำการสร้าง pipeline ให้ทีมเซอร์วิสดังนี้

Pipeline (services) = รายชื่อลูกค้าที่ปิดการขายได้ —> ติดต่อเพื่อนัดหมายติดตั้ง —> ติดตั้งสำเร็จ —> บริการหลังการขาย

เมื่อพนักงานขายทำการปิดการขายได้ ก็จะมีดีลที่ชนะเกิดขึ้นใน pipeline ของตัวเอง (ทีมขาย) พนักงานขายสามารถที่จะทำ  สำเนาดีลที่ชนะแล้วทำการย้ายดีลชนะที่เป็นสำเนาไปยัง pipeline (services) ของทีมเซอร์วิส หลังจากนั้นก็ทำการเปลี่ยนเจ้าของที่ดูแลเป็นหัวหน้าทีมเซอร์วิส เพื่อให้ทำการดูแลลูกค้าต่อไป

เมื่อหัวหน้าทีมเซอร์วิสเข้ามาดู pipeline (services) ก็จะเห็นดีลชนะที่เป็นสำเนานี้ หัวหน้าทีมก็จะส่งต่อให้กับลูกน้องในทีมต่อไป โดยทำการเปลี่ยนเจ้าของที่ดูแลให้เป็นลูกน้องของตัวเอง

จะเห็นว่าการเลื่อนไหลของข้อมูลจากทีมขายมาทีมเซอร์วิสทำได้โดยง่าย ทีมขายและทีมเซอร์วิสก็จะมีข้อมูลชุดเดียวกัน การทำงานก็จะเป็นกระบวนการที่ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ดูภาพประกอบ

ทดลองเล่น Pipedrive ฟรี 30 วัน แล้วนำมันไปปรับใช้เพื่อเข้ากับบริษัทของคุณ และทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น