News Archive
เมื่อเราหรือบริษัทมีการใช้งาน PIpedrive สิ่งที่เราควรคำนึงถึงคือ จะมีข้อมูลอะไนบ้างที่เราจะใส่ลงไปใน Pipedrive ของเรา
ลองมาดูรูปภาพด้านล่างนี้พร้อมคำอธิบาย เพื่อทำให้เราเข้าใจได้ง่ายขึ้น
ข้อมูลที่จำเป็นและควรใส่ลงไปใน Pipedrive
1) Organization
พนักงานขายควรเริ่มต้นจากการใส่ข้อมูลของบริษัทลงไปก่อน โดยใส่ชื่อของบริษัท ที่อยู่ และเวปไซต์
2) Contact
ต่อจากนั้น พนักงานขายก็มาใส่ contacts โดยใส่ชื่อของบุคคลที่เราติดต่อ เบอร์โทร อีเมล์ และทำการเชื่อมต่อ contacts ที่ใส่กับ organizations ที่ได้ใส่ไปก่อนหน้านี้
3) Deal
หลังจากนั้นพนักงานขายถึงจะใส่ดีล (Deals) ซึ่งก็คือโครงการ (projects) ของลูกค้า หรือโอกาส (opportunities) ของกลุ่มเป้าหมาย (prospects)
ต่อจากนั้น พนักงานขายก็ควรสร้างกิจกรรมต่างๆ (Activities) ที่จะทำกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เช่น โทรไปหา ไปพบ ส่งเมล์ ทานอาหาร นำเสนอ (presentation) เป็นต้น ซึ่งระบบ Pipedrive จะทำการแจ้งเตือนกิจกรรมเหล่านี้ให้กับพนักงานขายผ่านทางอีเมล์ และมือถือ มันจะทำให้พนักงานขายไม่พลาดที่จะติดต่อกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย
กิจกรรมทั้งหมดจะมีการบันทึกในระบบ Pipedrive ซึ่งเราก็สามารถเข้าไปดูได้ตลอดเวลา ทั้งกิจกรรมที่ทำไปแล้ว หรือที่กำลังจะทำในอนาคต
ซึ่งแต่ละดีล จะถูกดูแลเอาใจใส่จากพนักงานขาย และถูกพัฒนาตาม sales stage on pipeline ที่บริษัทสร้างขึ้น จนกระทั่งสามารถสรุปดีลได้ว่า ชนะ แพ้ หรือ แน่นิ่ง
หมายเหตุ: ลีด (Leads) คือรายชื่อของกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งบริษัทที่กลุ่มเป้าหมายทำงานอยู่ ซึ่งอาจจะมาจากตัวพนักงานขายเองหรือฝ่ายการตลาด เช่น เวปไซด์ งานสัมมนา การแนะนำ ค้นหาจาก Google search การทำการตลาดออนไลน์ (online Ads) เป็นต้น เราสามารถนำเอาข้อมูลของลีด (Leads) ไปใส่ใน Organization and Contact หลังจากนั้นก็ทำการติดต่อลีด (Leads) สร้างกิจกรรมกับลีด จนเราคิดว่าลีดนี้เป็นลีดที่ดีและมีโอกาสที่จะสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้ ก็นำมาสร้างเป็นดีล (create deals)
ทดลองเข้ามาใช้งานฟรี 30 วันโดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆทั้งสิ้น เพียงคลิกปุ่มด้านล่างนี้
และถ้าคุณใช้งาน Microsoft Excel ได้ มั่นใจได้เลยว่าคุณจะเล่น Pipedrive ได้อย่างแน่นอน
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (081) 823 2988 หรือ email at sujit.c@uncsolutions.com