News Archive
จากบทความที่แล้ว เราได้เรียนรู้จากรายงาน (Reports) ที่แสดงกิจกรรมของยูสเซอร์แต่ละคนในแต่ละเดือน เมื่อเราเลือก Pipeline และ ช่วงเวลาเป็น “Pipeline for Services” and “This Year”
บทความนี้เรามาดูกันต่อ สำหรับรายงานของหัวข้อที่2 ซึ่งก็คือรายงานแสดงผลของดีลที่เปิดทั้งหมดและความเคลื่อนไหวของดีลต่างๆของเซลล์แต่ละคน และรายงานแสดงผลของดีลที่เปิดทั้งหมดและความเคลื่อนไหวของดีลต่างๆของเซลล์ทั้งหมดที่ใช้ Pipedrive
โดยทั่วๆไปดีลแต่ละดีลจะเคลื่อนไหวไปตามขั้นตอนการขาย (sales stgae) ตามที่บริษัทได้กำหนดใน Pipeline เช่น เริ่มต้นจากการมีลีด (lead in) ติดต่อลูกค้า พิจารณาว่าสามารถจะเป็นลูกค้าได้ไหม (qualified prospect) การมองหาความต้องการของลูกค้า (need defied) เป็นต้น
พนักงานขายควรที่จะมองหาลีดที่เป็นไปได้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำการติดต่อหรือทำกิจกรรมกับลีด และเปลี่ยนลีดนั้นให้เป็นลูกค้าของบริษัท ดังนั้นการที่ลีดมีความเคลื่อนไหวตามขั้นตอนการขาย (sales stage) และขึ้นไปอยู่ใน stage ที่ดีขึ้น นั่นก็หมายถึงโอกาสที่จะปิดการขายได้มากขึ้น (higher propbability) มันย่อมเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการทำงานของพนักงานขาย
เรามาดูรูปภาพด้านล่างนี้เพื่อจะได้เห็นภาพอย่างง่ายสำหรับรายงานแสดงผลของดีล
ภาพแรก เป็นรายงานแสดงผลของมูลค่าหรือจำนวนดีลที่สร้างขึ้นทั้งหมดใน Pipeline for Services และในช่วงเวลาที่เลือก ซึ่งจะแสดงผลของยูสเซอร์ทั้งหมดที่ใส่ข้อมูลลงไปใน Pipeline for Services
มันจะทำให้บริษัทรู้ว่าพนักงานขายแต่ละคนมีดีลที่เปิดขึ้นทั้งหมดเท่าไหร่ทั้งในมุมของจำนวนและมูลค่า
ภาพสอง เป็นรายงานที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมจากภาพแรกโดยแสดงดีลที่ชนะและแพ้ของแต่ละพนักงานขาย
ภาพสาม เป็นรายงานที่ทำให้บริษัทรู้เพิ่มเติมว่าดีลที่ชนะหรือแพ้อยู่ในเดือนไหน และบริษัทยังสามารถรู้ค่าที่เป็นสัดส่วน (Ratio) ระหว่างดีลที่ชนะหรือแพ้ต่อดีลที่สร้างขึ้นทั้งหมดในแต่ละเดือน
ค่า Ratio นี้อาจจะแตกต่างไปตามแต่ละพนักงานขาย ค่า Ratio ที่สูงของดีลชนะ ย่อมหมายถึงความมีประสิทธิภาพในการปิดการขายที่สูงของเซลล์
บริษัทอาจเลือกดูที่ค่า Ratio แบบมูลค่าเพื่อจะได้สอดคล้องกับการทำยอดรายได้ให้กับบริษัท
สำหรับคนที่มีค่า Ratio ไม่สูง ก็สามารถที่จะทำยอดขายให้ได้สูงขึ้น โดยการเพิ่มจำนวนดีลหรือมูลค่าของดีลให้มากขึ้น
นอกจากนี้ รายงานนี้อาจจะทำให้บริษัททราบว่าช่วงไหนเป็นช่วงของการซื้อขาย และมันมีแพทเทิร์น (pattern) อย่างไร ยกตัวอย่างเช่น มีดีลที่ปิดการขาย (win) ได้มากในช่วงเดือน กค.ถึง กย. ของพนักงานขายแต่ละคน มันอาจบ่งบอกว่าไตรมาสที่สาม เป็นไตรมาสที่มีแนวโน้มของการซื้อขาย (season sales) เป็นต้น
หมายเหตุ Ratio สามารถเลือกเป็นแบบมูลค่าของดีล หรือจำนวนของดีล
ภาพสี่ เป็นรายงานแสดงผลของดีลที่อยู่ในแต่ละขั้นตอนการขายของแต่ละพนักงานขาย
มันทำให้บริษัทรู้ว่าตอนนี้แต่ละคนมีดีลที่มีแนวโน้มจะปิดการขายไ้ด้มากน้อยเท่าไหร่ ซึ่งสามารถดูทั้งในมุมของจำนวนและมูลค่า
ภาพห้า เป็นรายงานที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติมโดยแสดงเรื่องของเวลา
บริษัทสามารถรู้ได้ว่าในแต่ละเดือนมีดีลที่ถูกสร้างขึ้นใหม่เท่าไหร่โดยดูจากขั้นตอนการขายแรก (sales stage เริ่มต้น) จากภาพ มันคือ “Client Lists”
และยังรู้ต่อไปว่ามีดีลที่มีความเคลื่อนไหวไปยังขั้นตอนการขายถัดไป (the other sales stages) จำนวนหรือมูลค่าเท่าไหร่ในแต่ละเดือน
มันสามารถทำให้บริษัททราบได้ว่าพนักงานขายแต่ละคนมีดีลที่เปิดใหม่ในแต่ละเดือนเท่าไหร่ ทั้งในมุมของจำนวนและมูลค่า และมีความเคลื่อนไหวของดีลเป็นอย่างไรในแต่ละเดือน
หมายเหตุ จากภาพ เลือกเป็นแบบ แสดงมูลค่าของดีล
ภาพหก เป็นรายงานแสดงผลของดีลที่อยู่ในแต่ละขั้นตอนการขาย ทั้งในมุมของมูลค่าหรือจำนวน โดยแสดงผลของพนักงานขายทั้งหมดที่สร้างข้อมูลใน Pipeline for Services และในช่วงเวลาที่ได้เลือก
บริษัทสามารถเห็นภาพโดยรวมระหว่างพนักงานขาย สำหรับดีลที่อยู่ในแต่ละขั้นตอนการขาย และสามารถคาดคะเนว่าพนักงานไหนมีโอกาสที่จะปิดดีลได้ นอกจากนั้นบริษัทยังสามารถคลิกเข้าไปดูรายละเอียดของดีลต่างๆได้
หมายเหตุ บุคคลที่สามารถคลิดดูรายละเอียดของดีลต่างๆได้นั้นจะต้องเป็นแอดมิน (admin) หรือผู้ติดตาม (followers) เท่านั้น และผู้ติดตามจะดูรายละเอียดได้แค่ของคนที่อนูญาติให้ติดตาม
จะเห็นว่า Pipedrive มีรีพอร์ท (reports) หลากหลายรูปแบบทั้งในรูปแบบของกิจกรรมที่ทำ (activities effort) และ ประสิทธิภาพของการจัดการดีลที่ได้สร้างขึ้น (pipeline performance)
บริษัทสามารถที่จะนำเอารีพอร์ทเหล่านี้มาพิจารณาดูและวิเคราะห์การทำงานของพนักงานขาย รวมทั้งให้คำแนะนำหรือกำหนดแนวทางการขายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานต่อไป
ติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ (081) 823 2988 หรือ email at sujit.c@uncsolutions.com